Last updated: 31 พ.ค. 2568 | 4 จำนวนผู้เข้าชม |
การเลือกซื้อ ปั๊มลม (Air Compressor) ควรพิจารณาหลายปัจจัยให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ โดยแบ่งออกเป็นหลักเกณฑ์ต่างๆ ดังนี้:การเลือกซื้อ ปั๊มลม (Air Compressor) ควรพิจารณาหลายปัจจัยให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ โดยแบ่งออกเป็นหลักเกณฑ์ต่างๆ ดังนี้:✅ 1. ประเภทของปั๊มลมเลือกประเภทให้เหมาะกับงาน:ประเภทปั๊มลม เหมาะสำหรับปั๊มลมแบบลูกสูบ (Piston) งานทั่วไป เช่น เติมลมรถ ใช้กับเครื่องมือลมปั๊มลมแบบสกรู (Screw) ใช้งานต่อเนื่อง โรงงานอุตสาหกรรมปั๊มลมไร้น้ำมัน (Oil-free) งานที่ต้องการอากาศสะอาด เช่น โรงพยาบาล, อาหารปั๊มลมพกพา (Mini Air Compressor) ใช้ในบ้าน หรือพกติดรถ✅ 2. ขนาดถังลม (Tank Size)ถังเล็ก 6-24 ลิตร: ใช้เป็นครั้งคราว เช่น พ่นสีเล็ก เติมลมถังกลาง 25-100 ลิตร: ใช้กับเครื่องมือช่าง ใช้งานต่อเนื่องระดับกลางถังใหญ่ 100 ลิตรขึ้นไป: ใช้งานหนัก หรืออุตสาหกรรม✅ 3. แรงดันลม (Pressure)ดูที่หน่วย PSI หรือ Bar:ทั่วไปใช้ที่ 90 PSI (~6.2 Bar)ถ้าใช้งานกับเครื่องมือลมเฉพาะ ต้องดูว่าเครื่องมือต้องการแรงดันกี่ SI✅ 4. อัตราการจ่ายลม (Air Flow Rate)ดูหน่วยเป็น CFM หรือ L/min:เครื่องมือลมแต่ละชนิดจะบอกว่าใช้ลมกี่ CFMปั๊มลมควรจ่ายได้มากกว่าความต้องการของเครื่องมือ 20-30% เพื่อไม่ให้ทำงานหนักเกินไป✅ 5. กำลังไฟและแหล่งจ่ายไฟใช้ไฟบ้าน (220V) หรือไฟสามเฟส (380V) ตามสถานที่กำลังมอเตอร์: ยิ่งสูง ยิ่งแรง เช่น 1 HP, 2 HP, 5 HP ขึ้นไป✅ 6. แบรนด์และบริการหลังการขายเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ เช่น:
Puma
Hitachi
Swan
Fusheng
Makita
DeWalt
7. เสียงและความสะอาดต้องการเงียบ: เลือกแบบ Oil-free หรือมีตู้เก็บเสียงต้องการลมสะอาด: เลือกแบบไม่มีน้ำมัน + ใส่ตัวกรองลมเพิ่ม
2 มิ.ย. 2568
30 พ.ค. 2568
29 พ.ค. 2568
13 พ.ค. 2568