Last updated: 5 ส.ค. 2568 | 52 จำนวนผู้เข้าชม |
หาก ปั๊มลมสตาร์ทไม่ติดหรือสตาร์ทยาก อาจเกิดจากหลายสาเหตุ โดยสามารถวิเคราะห์และตรวจสอบได้ตามนี้:
✅ 1. ตรวจสอบแหล่งจ่ายไฟ
ปลั๊กไฟหลวม / ไม่มีไฟเข้า
เบรกเกอร์ตัด
ฟิวส์ขาด
สายไฟขาดใน/เสียหาย
วิธีตรวจสอบ:
ใช้มัลติมิเตอร์วัดไฟที่ปลั๊ก
ลองเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นที่จุดเดียวกันดูว่าใช้งานได้หรือไม่
✅ 2. ตัวสวิตช์กดสตาร์ท (Pressure switch) มีปัญหา
สวิตช์เสื่อม / หน้าคอนแทคท์ไหม้
สวิตช์ไม่ตัดต่อวงจรไฟไปยังมอเตอร์
วิธีตรวจสอบ:
เปิดฝาครอบสวิตช์ดูหน้าสัมผัสว่าดำหรือไหม้หรือไม่
ใช้มิเตอร์วัดการต่อของสวิตช์
✅ 3. คาปาซิเตอร์เสื่อม/เสีย
คาปาซิเตอร์มักใช้ช่วยให้มอเตอร์สตาร์ทได้แรงพอ
ถ้าเสีย มอเตอร์จะไม่หมุน หรือหมุนเบาๆ แล้วหยุด
อาการ: มีเสียง “หึ่งๆ” แต่ไม่หมุน
วิธีตรวจสอบ:
เปลี่ยนคาปาซิเตอร์ใหม่ดู (ต้องตรงค่า µF และโวลต์)
ตรวจวัดด้วยมิเตอร์แบบวัดค่าคาปาซิเตอร์ได้
✅ 4. มอเตอร์มีปัญหา
ขดลวดไหม้
ลูกปืนติด / แกนหมุนฝืด
แรงเสียดทานสูงเกินไป
อาการ: มีเสียงผิดปกติ, มอเตอร์ร้อนจัด, หมุนช้า
วิธีตรวจสอบ:
ลองหมุนเพลามอเตอร์ด้วยมือ (หลังปิดไฟ) ดูว่าฝืดหรือไม่
วัดค่าความต้านทานของขดลวด
✅ 5. แรงดันลมยังไม่ลด (โหลดเกินขณะเริ่มต้น)
หากยังมีลมค้างอยู่ในท่อ เครื่องจะสตาร์ทยากเพราะโหลดสูง
สาเหตุ: วาล์วปลดแรงดัน (unloader valve) ไม่ทำงาน
วิธีตรวจสอบ:
ฟังเสียงปลดลมออกจากวาล์วตอนเครื่องหยุดทำงาน
ตรวจสอบวาล์ว unloader ว่ายังทำงานหรือไม่
✅ 6. น้ำมันหล่อลื่นแห้ง (กรณีเป็นปั๊มลมแบบใช้น้ำมัน)
มอเตอร์ทำงานฝืดเพราะไม่มีน้ำมัน
ส่งผลให้สตาร์ทยาก
วิธีตรวจสอบ:
เช็คระดับน้ำมัน
เติมน้ำมันใหม่หากแห้งหรือเก่าจนข้น
✅ 7. อุณหภูมิแวดล้อมหรือความชื้นสูง
ส่งผลต่อการสตาร์ทของมอเตอร์ โดยเฉพาะรุ่นราคาประหยัดหรือใช้งานในที่มีฝุ่น
หากตรวจสอบตามรายการข้างต้นแล้วยังไม่พบสาเหตุ อาจต้อง นำไปให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบ โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับ
23 ส.ค. 2568
22 ส.ค. 2568
21 ส.ค. 2568